ข่าวในประเทศ

ผู้ว่าฯ กคช. : เปิดเบื้องหลัง บ้านเอื้อฯ ‘สุไหงโก-ลก’ ถูกทิ้งร้าง- รื้อฟื้นได้จริงหรือ?

“…จากปัญหาที่เกิดขึ้น นายทวีพงษ์ บอกว่า หากจะมีการพัฒนาพื้นที่โครงการ อาจจะต้องพึ่งฝ่ายทหารด้วย โดยใช้แรงงานของทหารช่างไปช่วยแทน ส่วนการจะดำเนินโครงการต่อ คงต้องทุบอาคารที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ โดยทุบอาคารเก่าทิ้ง…”

……………………………….

ประเด็นตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกกรณีสื่อโซเชียลมีการแชร์ภาพระบุข้อความว่า ‘จุดเช็คอินใหม่ โครงการบ้านเอื้ออาทร ตั้งอยู่ข้างโรงแรมแกรนด์การ์เด้น อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก’ ในภาพมีคนประมาณ 3-4 คน เข้าไปถ่ายภาพในโครงการบ้านร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จ ท่ามกลางสภาพทรุดโทรม เพราะถูกทิ้งร้างมานับสิบปี

ขณะที่เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ได้ประสานไปยังการเคหะแห่งชาติ ให้เข้ามาดูแลเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งเศรษฐกิจ หรือเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของเมืองสุไหงโก-ลก หรือ จะมีการรื้อฟื้นโครงการขึ้นมาอีกครั้ง

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า โครงการบ้านเอื้ออาทร อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส การเคหะแห่งชาติ ทำสัญญาซื้อที่ดินเพื่อดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส (สัญญาร่วมดำเนินกิจการ) จาก หจก.ฉัตรวาริน ดีเวลลอปเม้นท์ วงเงิน 20,017,500.00 บาท เริ่มสัญญา 20 ต.ค. 2548 สิ้นสุดสัญญา 18 ธ.ค. 2548 และร่วมดำเนินกิจการโครงการบ้านเอื้ออาทร อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ก่อสร้างอาคารบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 288 หน่วย กับ หจก.ฉัตรวาริน ดีเวลลอปเม้นท์ วงเงิน 100,942,500 บาท เริ่มสัญญา 20 ต.ค. 2548 สิ้นสุดสัญญา 17 ธ.ค. 2549 รวมวงเงิน 120,960,000 บาท ทั้งสองรายการ สัญญาเลขที่เดียวกัน คือ กคช.(บค.4)37/2548)

ต่อมา 25 ม.ค.2549 การเคหะฯทำสัญญาเพิ่มเติม กับ หจก.ฉัตรวาริน ดีเวลลอปเม้นท์ อีกหนึ่งสัญญา ได้แก่ สัญญาที่ กคช.(บค.4)39/2549 ร่วมดำเนินกิจการโครงการบ้านเอื้ออาทร อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส วงเงิน 210 ล้านบาท สิ้นสุดสัญญาวันที่ 25 มี.ค. 2550  

ขณะที่ นายศิริพงษ์  ปัจจันตวิวัฒน์ หุ้นส่วนผู้จัดการ  หจก.ฉัตรวารินฯ  ชี้แจงสำนักข่าวอิศรา สั้นๆ ว่า  เมื่อก่อนตนเปิดกิจการ หจก.ฉัตรวารินฯ จริง แต่ภายหลังเป็นคดีความ และถูกตัดสินไปแล้ว ทุกอย่างจบแล้ว จึงไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆ เพิ่มเติม และไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ

(เรื่องเกี่ยวข้อง: เตรียมล้อมรั้ว-ฟื้นโครงการบ้านเอื้ออาทรร้าง จุดเช็คอินใหม่กลางเมืองโก-ลก , บ้านเอื้ออาทรร้าง ‘สุไหงโก-ลก’ การเคหะฯทำสัญญาผู้รับเหมา 2 ครั้ง 120.9 – 210 ล.)

ล่าสุด ทีมข่าวอิศราศูนย์ข่าวภาคใต้ ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับถึงปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทร สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ที่ถูกทิ้งร้าง จนกลายเป็นจุดเช็คอินของวัยรุ่นในพื้นที่ชายแดนใต้

นายทวีพงษ์ ระบุว่า  ที่มาที่ไปของเรื่องนี้เริ่มจากในส่วนที่ทางการเคหะฯได้รับความเสียหาย ก็ได้ยื่นฟ้องไปยังศาลปกครอง และต่อสู้คดีตั้งแต่ศาลปกครองชั้นต้น จนถึงศาลปกครองสูงสุด โดยแบ่งเป็น 2 โครงการ

ซึ่งสถานะปัจจุบัน การเคหะฯ ชนะคดีหมดแล้ว ทั้งศาลปกครองขั้นต้นและศาลปกครองสูงสุด โดยแบ่งเป็น 2 โครงการ คือ 

1. โครงการบ้านเอื้ออาทร สุไหงโก-ลก 1 ทุนทรัพย์ฟ้องร้อง จำนวนเงิน 41,369,957.96 บาท การเคหะฯได้รับเงินแล้ว 11,392,674.96 บาท เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2562 ที่เหลืออยู่ระหว่างบังคับคดี

2. โครงการเอื้ออาทร สุไหงโก-ลก 2 ทุนทรัพย์ฟ้องร้อง 121,214,597.12 บาท การเคหะฯได้รับเงินแล้ว 62,276,216.07 บาท เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2562 ที่เหลืออยู่ระหว่างบังคับคดี

ผู้ถูกฟ้องจะมี 3 ส่วน

ส่วนที่ 1 คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) ฉัตรวาริน ดีเวลลอปเม้นท์

ผู้ถูกฟ้องคนที่ 2 นายศิริพงษ์ ปัจจันตวิวัฒน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่

และส่วนที่ 3 คือ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME BANK ในฐานะผู้ค้ำประกัน ซึ่งเงินที่ได้จากการฟ้องก็มาจากผู้ค้ำประกัน ที่เหลือก็จะไปบังคับคดีต่อ

สำหรับการปรับพื้นที่ เพราะกลายเป็นโครงการทิ้งร้างนั้น ผู้ว่าการ กคช. กล่าวว่า ในส่วนที่ผ่านมามีการพยายามนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์โดย ศอ.บต. (ศุนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) และเทศบาลสุไหงโก-ลก จะนำไปพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และได้นำเรื่องเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี แต่สุดท้ายไม่ได้รับความเห็นชอบ เนื่องจากมองว่าเทศบาลไม่มีภารกิจในเรื่องนี้ และไม่สามารถนำที่ดินไปดำเนินการร่วมกับ ศอ.บต.ได้ ขณะที่ ศอ.บต.เองก็ไม่ได้เป็นนิติบุคคล ไม่สามารถมาบริหารจัดการได้

ขณะนี้พอมีประเด็นโครงการทิ้งร้างออกมา ทางการเคหะฯก็พยายามหาทางแก้ไข โดยพยายามทำรั้วรอบโครงการ ปรับปรุงพื้นที่ โดยใช้เงินงบประมาณของการเคหะฯ เพื่อดำเนินการปรับภูมิทัศน์ไปบ้างแล้ว

“ตอนแรกก็คิดว่าจะปรับปรุง แต่ฝ่ายก่อสร้างลงไปตรวจสอบแล้วเห็นว่าปรับปรุงลำบาก แต่ตอนนี้มีโครงการสุขประชา และมีโครงการบ้านเพื่อผู้สูงอายุ คิดว่าจะนำพื้นที่นี้มาพัฒนา กำลังทำเรื่องอยู่เพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี”

“ในส่วนของการปรับปรุงภูมิทัศน์ เราไม่ได้ปรับปรุงตัวอาคาร แต่ปรับปรุงเพียงแค่พื้นที่โดยรอบ เพราะหลายภาคส่วนกังวลว่าจะเป็นที่ซ่องสุม ทางการเคหะฯก็ได้ทำรั้วรอบขอบชิด ซึ่งตอนนี้ที่จะเป็นปัญหาก็คือการหาผู้จัดจ้าง เพราะการหาผู้จัดจ้างในการทำงานพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ค่อนข้างยาก เพราะว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย หากว่าใช้บริษัทเดิมก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาเดิมอีก ขณะนี้เลยทำให้ไม่สามารถหาผู้รับจ้างได้” ผู้ว่าการ กคช. กล่าว

จากปัญหาที่เกิดขึ้น นายทวีพงษ์ บอกว่า หากจะมีการพัฒนาพื้นที่โครงการ อาจจะต้องพึ่งฝ่ายทหารด้วย โดยใช้แรงงานของทหารช่างไปช่วยแทน ส่วนการจะดำเนินโครงการต่อ คงต้องทุบอาคารที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ โดยทุบอาคารเก่าทิ้ง

สำหรับ 2 โครงการที่คาดว่าจะนำมาพลิกฟื้นโครงการบ้านเอื้ออาทรร้าง สุไหงโก-ลก นั้น ได้แก่ โครงการบ้านสุขประชา คือ บ้านเช่าพร้อมอาชีพ กับโครงการบ้านผู้สูงอายุ ขณะนี้อยู่ระหว่างรศึกษารูปแบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์และพื้นที่มากที่สุด ซึ่งต้องยอมรับว่าโครงการบ้านเอื้ออาทรสุไหงโก-ลก ค้างคามานานและคดีเพิ่งจะสิ้นสุด เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการเตรียมแผนพัฒนา

โครงการบ้านเอื้ออาทรทั่วประเทศมีทั้งสิ้น 143 โครงการ เป็นที่อยู่อาศัยประมาณ 600,000 หน่วย ถูกสั่งให้หยุดสร้างในสมัยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช. – ช่วงการรัฐประหารปี 2549 มีการส่งเรื่องให้ คตส.สอบทุจริต)

ปัจจุบันการเคหะฯ นำมาแยกแยกเป็นโครงการที่ยังสามารถพัฒนาต่อได้ เพราะก่อสร้างไป 80% แล้ว มี 67 โครงการ ในจำนวนนี้ได้พัฒนาต่อไปแล้ว 49 โครงการ ในช่วงปี 59-61 ที่ผ่านมา ทำเป็นโครงการบ้านสุขประชา ส่วนอีก 76 โครงการ คงต้องทบทวนใหม่ เพราะไม่มีความต้องการซื้อ กลายเป็น sunk cost หรือ “ทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้”

รวมแล้วปัจจุบันเหลือ sunk cost 94 แปลง (94 โครงการ มาจาก 18 โครงการในกลุ่มแรกที่พัฒนาต่อได้ แต่ยังไม่มีการพัฒนา เพราะไม่มีความต้องการซื้อ บวกกับ 76 โครงการที่ไปต่อไม่ได้)

ทั้งหมดนี่ คือ คำชี้แจงจาก นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เกี่ยวกับปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทร สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ที่ถูกทิ้งร้าง จนกลายเป็นจุดเช็คอินของวัยรุ่นในพื้นที่ชายแดนใต้ ที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนขณะนี้ 

ที่มา : https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/99685-investigative00-5.html